ข้อบังคับ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

ข้อบังคับ

สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

พ.ศ. 2566

ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า ข้อบังคับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

            พ.ศ. 2560”

ข้อ 2.   ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับ นับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่กรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนเป็นต้นไป

 

 

ข้อ 3.  เครื่องหมายของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

                   เครื่องหมายของสมาคมเป็นรูปลักษณะวงกลมสองวงซ้อนกัน ระหว่างวงกลมสองวงมีชื่อสมาคมภายในวงกลมมีเส้นทั้งสองเส้นมีอักษรสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่” และอักษรภาษาอังกฤษ”THE CREMATION WELFARE ASSOCIATION”อยู่ภายในวงกลมรอบนอก ส่านภายในวงกลมข้างใน มีรูปช้างสีน้ำเงิน และมีคำว่า TAXI ส่วนด้านล่างรูปช้างมีอักษร CHANG”ย่อมาจากประโยค The Council Honest Acredited National Goodteam สมาคมนี้มีอักษรย่อ ฌ.สสท.

 

หมวด  1

ข้อความทั่วไป

______________

ข้อ 4.   ในข้อบังคับนี้

                   “สมาคม หมายความว่า          สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

สมาชิก”  หมายความว่า         สมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

                                           เจ้าหน้าที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

 และอาสาสมัครมูลนิธิคุ้มครองผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะ

          “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภา                   

                                                             วิชาชีพแท็กซี่

นายกสมาคม” หมายความว่า นายกสมาคมสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

กรรมการ” หมายความว่า      กรรมการดำเนินการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

เงินค่าสมัคร หมายความว่า เงินที่เรียกเก็บจากผู้ซึ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

เงินค่าบำรุง” หมายความว่า  เงินที่เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

เงินสงเคราะห์ หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า” หมายความว่า  เงินที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สภาวิชาชีพแท็กซี่

                                                   เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย

นายทะเบียน” หมายความว่า  นายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ท้องที่กรุงเทพมหานคร

 “นายทะเบียนกลาง หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว

ปลัดกระทรวง”  หมายความว่า    ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

หมวด  2

วัตถุประสงค์

_______________

ข้อ 5.   สมาคมมีวัตถุประสงค์

            5.1เพื่อการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ และสงเคราะห์ครอบครัวของบุคคลหนึ่งซึ่งถึงแก่ความตาย ซึ่งการตายนี้(ไม่รวมถึงการสาบสูญตามคำสั่งศาล)

            5.2 ไม่ประสงค์กำไรเพื่อแบ่งปันให้แก่สมาชิก

5.3 ไม่ดำเนินการในทางการเมือง

5.4 เป็นงานสวัสดิการส่วนหนึ่งของมูลนิธิคุ้มครองผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะ

5.5 รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือรับการช่วยเหลือในด้านกิจการของการฌาปนกิจสงเคราะห์จาก

     สมาชิกหรือบุคคลอื่น

 

หมวด  3

ที่ตั้งสำนักงานและวันเวลาเปิดทำการ

__________________

ข้อ 6. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ที่เลขที่  410  ถนนพรานนก-พุทธมณฑล แขวงบางเชือกหนัง

           เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์  10170  โทรศัพท์  02-4032345

ข้อ 7.  สมาคมจะเปิดทำการในวันทำงาน

           วันจันทร์ –วันเสาร์ระหว่างเวลา 08.30 .ถึงเวลา 16.30 .หยุดทำการวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์

หมวด 4

วิธีการรับสมาชิกและขาดจากสมาชิกภาพ

__________________

ข้อ 8.   ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมด้วยตนเอง

            ณ ที่ตั้งสำนักงานของสมาคม ในวันเวลาเปิดทำการ

ข้อ 9  ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(1)   ต้องบรรลุนิติภาวะ

(2)   ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเป็นคนไร้ความสามารถ

(3)   มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงในวันสมัคร

(4)   มีอายุในวันสมัครไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

(5)   มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย

(6)   ต้องเป็นอาสาสมัครมูลนิธิคุ้มครองผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะหรือบุคคลที่อาศัยอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันกับสมาชิก

(7)   ต้องไม่เป็นคนวิกลจริตหรือสติฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(8)   ต้องไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเป็นเรื้อรังจนรักษาไม่หาย

(9)   ต้องมีความประพฤติดี และยินยอมปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาคม

(10)   ต้องเป็นเจ้าหน้าที่และคู่สมรสเจ้าหน้าที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์

(11)    ข้อ 10.  ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ต้องนำเอกสารหลักฐาน ดังต่อไปนี้

(1)   สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้

(2)   สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร

(3)   ใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง จากสถานพยาบาลของรัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (นำมาในวันครบกำหนดทดสอบสุขภาพ 90 วัน)

(4)   สำเนาทะเบียนบัตรประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านผู้รับผลประโยชน์

ข้อ 11.  ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก จะมีสมาชิกภาพสมบูรณ์  เมื่อพ้นกำหนดทดสอบสุขภาพแล้ว 90 วัน 

            นับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติรับเข้าเป็นสมาชิก ยกเว้นสมาชิกภาพของผู้เริ่มก่อการจัดตั้ง

            สมาคมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนสมาคมและได้ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิก

            ไว้แล้ว เงินค่าสมัครสมาคมจะไม่คืนให้ผู้สมัคร ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น หรือสมาชิกจะสมบูรณ์ เมื่อ

            (1) คณะกรรมการมีมติรับเข้าเป็นสมาชิก

ข้อ 12. สมาคมจะมอบหลักฐานการเป็นสมาชิกในรูปสมุดชำระเงินประจำตัวสมาชิกให้แก่สมาชิกทุกคน  สมาชิกของสมาคมจะมีหมายเลขประจำตัวสมาชิกได้หมายเลขเดียวเท่านั้น

ข้อ 13. ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องระบุชื่อผู้จัดการศพและผู้ที่ประสงค์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคลในครอบครัวของตน ตามข้อ 24  ไว้ในใบสมัคร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการศพและผู้รับเงินสงเคราะห์ในภายหลัง สมาชิกต้องแจ้งให้สมาคมเป็นหนังสือตามแบบที่สมาคมกำหนด

ข้อ 14.  สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้

            (1)  ตาย

            (2)  ลาออก เป็นหนังสือตามแบบที่สมาคมกำหนด และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้ออก

(3)   ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ลาออก

(4)   ขาดจากสมาชิกภาพอาสาสมัครมูลนิธิคุ้มครองผู้ใช้บริการรถยนต์สาธารณะ

(5)   ถูกคัดชื่อออกเนื่องจากขาดส่งเงินสงเคราะห์ โดยสมาคมแจ้งเป็นหนังสือให้ไป

            ชำระเงินสงเคราะห์ตาม ข้อ.19 แล้ว จำนวน ครั้ง แต่ละครั้งมีระยะห่างกันอย่างน้อย 15 วัน   หรือทางสมาคมได้นำเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ามาจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์หมดแล้ว หรือสมาคมติดต่อหาหลักแหล่งที่อยู่ไม่ได้ และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้พ้นจากสมาชิกภาพ

          การสิ้นสุดสมาชิกภาพตามข้อนี้ สมาชิกไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าสมัคร, ค่าบำรุง  และเงินสงเคราะห์ที่ได้ชำระตามข้อบังคับนี้คืนจากสมาคม เว้นแต่เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าที่ยังไม่ได้ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ให้แก่สมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

ข้อ 15 . สมาคมจะแจ้งเป็นหนังสือให้สมาชิกที่ขาดจากสมาชิกภาพ ตามข้อ 14  (2) (3) และ (4) เพื่อทราบ   นับแต่วันที่ที่ประชุมมีมติ  ภายใน 15 วัน

                       สมาชิกที่พ้นสภาพตามข้อ 14 (4) มีสิทธิอุทธรณ์ต่อสมาคม ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วัน

            นับแต่วันยื่นอุทธรณ์  คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สิ้นสุด

 

 

หมวด  5

เงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง  และเงินสงเคราะห์

_______________________

ข้อ 16. ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสมาคม  ต้องชำระเงินค่าสมัครเป็นเงินคนละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)

            และเมื่อสมาคมมีมติรับเข้าเป็นสมาชิก ตามข้อ12 แล้ว จะต้องชำระเงิน

            ให้แก่สมาคมดังนี้

            (1) เงินค่าบำรุงปีละ 50 บาท  (ห้าสิบบาทถ้วน)

            (2) เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าเป็นเงิน 2,400 บาท (สองพันสี่ร้อยบาทถ้วน) สำหรับผู้แรกเข้าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์  (เงินสงเคราะห์ล่วงหน้า ต้องได้รับมติจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี เงินสงเคราะห์ล่วงหน้าเป็นเงิน 2,400 บาทนี้ให้เริ่มบังคับใช้เมื่อพ้น 90 วันหลังจากนายทะเบียนรับจดทะเบียนจัดตั้ง สฌ.สสท.)

ข้อ 17. เมื่อสมาชิกของสมาคมคนใดคนหนึ่งถึงแก่ความตาย  สมาชิกทุกคนมีหน้าที่ต้องชำระเงิน

            สงเคราะห์นั้น รายละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)

ข้อ 18. การชำระเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง เงินสงเคราะห์หรือเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าให้ชำระได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(1)     ด้วยตนเอง ณ สำนักงานของสมาคม หรือสถานที่ที่สมาคมกำหนด

(2)     ทางธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินในนามสมาคม

(3)     โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของสมาคม

(4)     โอนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส

         การรับเงินทุกประเภท สมาคมจะออกหลักฐานการรับเงินทุกครั้งตามแบบที่สมาคมกำหนด

ข้อ 19. การชำระเงินสงเคราะห์ ตามข้อ 18 สมาชิกต้องชำระให้สมาคมภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิกหรือได้รับหนังสือแจ้งจากสมาคมให้ไปชำระเงิน

 ข้อ 20. สมาคมจะเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้าจากสมาชิกเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัว จำนวน 400 ศพ เป็นจำนวนเงิน 4,800 บาท  (สี่พันแปดร้อยบาทถ้วน)  เพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าจัดการศพและเมื่อเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า ลดเหลือต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง สมาคมจะเรียกเก็บเพิ่มเต็มจำนวนที่กำหนดไว้ ซึ่งจะต้องไม่เกินอัตราที่ที่ประชุมใหญ่มีมติกำหนดและเงินจำนวนนี้สมาคมจะคืนให้แก่สมาชิกเมื่อสมาชิกถึงแก่กรรมและจะจ่ายเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ ตามที่จ่ายไว้ล่วงหน้า และเงินสงเคราะห์นี้ ห้ามสมาคมนำไปใช้จ่ายในกิจการอื่นใด เว้นแต่จะนำไปใช้สำรองจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์ของสมาชิกผู้นั้นเองเมื่อสมาชิกอื่นถึงแก่ความตาย

หมวด  6

สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก

__________________

ข้อ 21.  สมาชิกมีสิทธิดังต่อไปนี้

(1)   แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของสมาคมต่อคณะกรรมการและเรียกร้องให้คณะกรรมการกระทำหรืองดเว้นการกระทำเพื่อประโยชน์ของสมาคม

(2)   เข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นกรรมการเพื่อบริหารงานสมาคมรวมทั้งออกเสียงลงคะแนนทุกครั้ง

(3)   ขอตรวจสอบบัญชีและเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบการดำเนินกิจการของสมาคมในวัน  เวลาเปิดทำการ

(4)   ลงชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า 350 คนหรือจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด        ร้องขอต่อคณะกรรมการให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการใดการหนึ่งเมื่อใดก็ได้

(5) ร้องขอต่อนายทะเบียนให้สั่งเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาคม ถ้าได้นัดเรียกหรือได้  ประชุมกันหรือได้ลงมติฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับของสมาคม และต้องร้องขอภายใน 30 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ

(6)  ขอตรวจเอกสารคัดเอกสารหรือขอให้คัดรายการและรับรองสำเนาเอกสารของสมาคมจาก

       นายทะเบียน

 (7)  มอบฉันทะเป็นหนังสือให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่สมาชิกเข้าร่วมประชุมใหญ่และออกเสียงลงคะแนน

        แทนตนได้ ผู้รับมอบฉันทะคนหนึ่ง รับมอบฉันทะได้คนเดียว

 (8)  ลงชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดร้องขอนายทะเบียน สั่งให้เลิก

        สมาคมพร้อมด้วยเหตุผล  หรือร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งให้เลิกสมาคม

 (9)  แสดงความจำนงต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อเป็นผู้ชำระบัญชีในกรณีที่สมาคมต้องเลิกตามมติที่

        ประชุมใหญ่

  (10)  ลงชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดร้องขอต่อนายทะเบียนเพื่อ    แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทนผู้ชำระบัญชีที่ได้ตั้งไว้

 (11)  อุทธรณ์ต่อสมาคม กรณีถูกคัดชื่อออกตามข้อ 14 (5)

ข้อ 22.  สมาชิกมีหน้าที่  ดังนี้

(1)     ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับและคำสั่งของสมาคม

(2)     ชำระเงินสงเคราะห์ให้เรียบร้อยภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการตายของสมาชิกหรือได้รับหนังสือแจ้งจากสมาคมให้ไปชำระเงิน

(3)     เก็บรักษาสมุดชำระเงินประจำตัวสมาชิก หรือบัตรประจำตัวสมาชิก

(4)     แจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ชื่อสกุล หรือวัน เดือน ปีเกิด ต่อสมาคมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

(5)     แจ้งความประสงค์เป็นหนังสือตามแบบที่สมาคมกำหนดที่จะเปลี่ยนแปลงบุคคลผู้จัดการศพหรือผู้รับเงินสงเคราะห์

 

หมวด  7

วิธีการจ่ายเงินค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัว

__________________

ข้อ 23.  ในกรณีที่สมาชิกถึงแก่ความตายให้สมาคมจ่ายค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์

               ครอบครัวให้แก่บุคคลที่สมาชิกได้ระบุไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์และหรือเป็นผู้จัดการศพ  ซึ่งต้องเป็นบุคคลดังต่อไปนี้

(1)  สามี ภริยา บุตร และบิดา มารดา

(2)  พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน

(3)  พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน

(4)  ปู่ ย่า ตา ยาย

(5)  ลุง ป้า น้า อา

(6)  ผู้อุปการะเลี้ยงดู หรือผู้อยู่ในการอุปการะเลี้ยงดู

ในกรณีที่สมาชิกไม่ได้ระบุให้บุคคลใดเป็นผู้จัดการศพ หรือมีผู้จัดการศพแต่ไม่อาจจัดการศพของสมาชิกได้ หรือไม่มีบุคคลที่สมาชิกระบุที่สมาชิกระบุไว้ในใบสมัครให้เป็นผู้จัดการศพ บุคคลตาม (1)- (6)

อาจยื่นคำร้องต่อสมาคมเพื่อขอเป็นผู้จัดการศพ  และเมื่อสมาคมเห็นว่าบุคคลนั้นสามารถจัดการศพได้จริง ให้สมาคมจ่ายค่าจัดการศพแก่บุคคลดังกล่าว แต่ถ้าสมาคมเห็นว่าบุคคลนั้นไม่สามารถจัดการศพได้

ให้สมาคมจัดการศพแก่สมาชิกให้เหมาะสมกับฐานานุรูปและศาสนาของสมาชิกนั้น

ถ้าหากมีเงินเหลือจากการจัดการศพ ให้จ่ายเงินแก่บุคคลใน (1) - (6) ตามลำดับก่อนหลัง โดยผู้อยู่ลำดับก่อนย่อมตัดสิทธิผู้อยู่ลำดับหลัง  แต่ถ้ามีผู้อยู่ลำดับเดียวกันหลายคน ให้ได้รับเงินในสัดส่วนที่เท่ากัน

ข้อ 24.  สมาคมจะจ่ายค่าจัดการศพหรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่ผู้จัดการศพและผู้รับเงินสงเคราะห์แล้วแต่กรณี ดังนี้ 

               1.  จ่ายครั้งแรกเท่าที่เรียกเก็บได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอ

            2.  จ่ายเงินส่วนที่เหลือภายใน 90 วัน นับแต่วันที่สมาคมได้จ่ายเงินครั้งแรก

                 การจ่ายเงินค่าจัดการศพ  หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวรายใดมีปัญหาให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ และให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สิ้นสุด จึงไม่ถือว่าเงินนี้เป็นมรดกของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตาย ทายาทโดยธรรมของสมาชิกที่ถึงแก่ความตายไม่มีสิทธิเรียกร้อง หรือถือเป็นเหตุฟ้องเรียกเงินดังกล่าวได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อ 25. สมาคมจะหักเงินสงเคราะห์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ  ในอัตราร้อยละ 9  ของเงิน

            สงเคราะห์ที่เรียกเก็บได้ตามมติของที่ประชุมใหญ่  ซึ่งไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง

 

หมวด  8

การใช้จ่ายและการเก็บรักษาเงิน

_________________

ข้อ 26.  สมาคมจะใช้จ่ายเงินในการดำเนินกิจการ ดังนี้

(1)   ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และค่าเช่าที่พักของกรรมการ

(2)   เงินเดือนค่าจ้าง และค่าล่วงเวลาของเจ้าหน้าที่สมาคม

(3)   ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ และค่าเช่าที่พักของเจ้าหน้าที่สมาคม

(4)   ค่าสมทบกองทุนประกันสังคม  กองทุนบำเหน็จ และค่าเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่สมาคม

(5)   ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการประชุมใหญ่

(6)   ค่าลงทะเบียนในการเข้าร่วมประชุม อบรมและสัมมนาของกรรมการและเจ้าหน้าที่สมาคม

(7)   ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อที่ดิน  อาคารและครุภัณฑ์ หรือการจัดจ้างก่อสร้างต่อเติมอาคารสำนักงานของสมาคม

(8)   ค่าเช่าที่ดิน และอาคารสำนักงานของสมาคม

(9)   ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัสดุ ค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษา และค่าเสื่อมราคา

(10)  ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ได้แก่ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ และค่าไปรษณีย์

(11)  ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้  ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคม

(12)  ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ทำบัญชี ผู้ตรวจบัญชี  ผู้สอบบัญชี  ผู้ชำระบัญชี และค่าใช้จ่ายในการเลิกสมาคม

(13)  ค่ากรอบรูป และค่าพิธีกรรมตามศาสนาของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย

(14)  ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนกลาง

ข้อ 27. ค่าใช้จ่ายตามข้อ 26  (1) (2) (3) (4) และ(13)  สมาคมต้องวางเป็นระเบียบ และนำเสนอที่ประชุมใหญ่พิจารณาอนุมัติ และส่งให้นายทะเบียนพิจารณาให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน และเมื่อนายทะเบียนอนุมัติแล้วจึงจะถือปฏิบัติได้

 

ข้อ 28. เงินทุกประเภทที่สมาคมได้รับต้อง นำฝากธนาคารในนามของสมาคม  เหรัญญิกสมาคมจะเก็บรักษาตัวเงินสดไว้ที่สำนักงาน

           เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 20,000 บาท  (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

           นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่าย เงินของสมาคมไม่เกินครั้งละ 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)

           นายกสมาคม โดยมติของคณะกรรมการสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ไม่เกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสน

           บาท-ถ้วน) หากจำนวนเงินค่าใช้จ่ายเกินกว่าจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)  ต้องขอ

           อนุมัติจากที่ประชุมในแต่ละรายการ ยกเว้นการจ่ายเงินสงเคราะห์

ข้อ 29. นายกสมาคม ลขานุการ หรือเหรัญญิก ไม่น้อยกว่า 2 คน ต้องอนุมัติค่าใช้จ่ายแต่ละรายการก่อนการจ่ายเงินและการเบิกถอนเงินจากธนาคารให้นายกสมาคม เลขานุการ หรือเหรัญญิกจำนวน 2 ใน 3 คนลงนามร่วมกัน

ข้อ 30. เงินหรือผลประโยชน์ของสมาคมที่ได้รับมา หรือมีผู้บริจาค หรือดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินฝากธนาคารในนามของสมาคม ต้องตกเป็นของสมาคมทั้งสิ้น

ข้อ 31.  สมาคมจะแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้ตรวจสอบกิจการ โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่และต้องรายงานผลให้คณะกรรมการทราบทุกเดือน ผู้ตรวจบัญชีจะได้รับค่าตอบแทนตามที่สมาคมกำหนด 

ข้อ 32. ให้คณะกรรมการทำบัญชีงบดุล ตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนดเสนอต่อที่ประชุมใหญ่

            เพื่ออนุมัติภายใน 120 วัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน และต้องส่งสำเนางบดุลที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียนไม่ช้ากว่า 14 วัน นับแต่ที่ประชุมใหญ่อนุมัติ

ข้อ 33. หลักฐานเอกสารทางทะเบียน ทางการเงิน ทางบัญชี และบัญชีงบดุล สมาคมต้องเก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี

ข้อ 34.  สมาคมต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนดและให้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าวไว้ที่สำนักงานพร้อมหลักฐานและเอกสารที่ใช้ประกอบ

ข้อ 35. สมาคมต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่อยู่ ในวันครบ 90 วันนับแต่วันจดทะเบียนให้นายทะเบียนภายใน 14 วัน และเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนและธันวาคมของทุกปี สมาคมต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาคมตามที่เป็นอยู่ในวันสิ้นเดือนนั้นต่อนายทะเบียน ภายใน 14 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนนั้นๆ

ข้อ 36.  สมาคมต้องจัดให้มีบัญชีแสดงฐานะการเงินตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนดและต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชีนั้นไว้ด้วย

หมวด 9

การประชุมใหญ่

________________

ข้อ 37. นับแต่จดทะเบียนจัดตั้งสมาคม   ผู้เริ่มก่อการจะต้องนัดสมาชิกมาประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก 

             ภายใน 90 วัน

            1. รับรองข้อบังคับทั้งฉบับ

            2. เลือกตั้งคณะกรรมการและมอบหมายงาน

            3. กำหนดอัตราเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ล่วงหน้า

            4. กำหนดการหักเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวไว้ เป็นค่าใช้จ่าย

            5. กำหนดจำนวนเงินเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุม ค่าพาหนะ เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันให้แก่กรรมการ

            6.  เรื่องอื่นๆ

            ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการ

ข้อ 38. สมาคมจะต้องเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี  ปีละครั้ง ภายใน 120 วัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน            

            (1)  รับรองรายงานกิจการในรอบปีที่ผ่านมา

(2)  พิจารณาอนุมัติบัญชีรายได้ รายจ่าย และบัญชีงบดุล

(3)  เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนคณะกรรมการเมื่อครบวาระหรือทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

(4)  พิจารณาแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ

(5)  เรื่องอื่น ๆ

ข้อ 39. สมาคมจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ในกรณีที่ต้องขอความเห็นชอบหรือมติจากที่ประชุมในการดำเนินกิจการสมาคม

            1.  คณะกรรมการเรียกประชุม

2.  สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่าสามร้อยห้าสิบคนลงชื่อร่วมกันร้องขอต่อสมาคมให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการใดการหนึ่ง ในกรณีที่สมาชิกเป็นผู้ร้องขอ ให้สมาคมเรียกประชุมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ถ้าสมาคมไม่เรียกประชุมในระยะดังกล่าว ให้นายทะเบียนเรียกประชุมได้

            3. นายทะเบียนสั่งให้เรียกประชุม

ข้อ 40. สมาคมจะส่งหนังสือนัดประชุมใหญ่ไปยังสมาชิกทุกคนก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน

            หนังสือเชิญประชุมต้องระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระการประชุม พร้อมทั้งรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปด้วย

ข้อ 41. การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกมาร่วมประชุมร่วมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

            หรือไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน จึงจะเป็นองค์ประชุม

ข้อ 42. ในการประชุมใหญ่ สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้าง    มาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

ข้อ 43. การออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม (โดยเลือกปฏิบัติได้ในแต่ละวาระการประชุม)

(1)   ออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผย ให้ใช้วิธียกมือ

(2)   ออกเสียงลงคะแนนลับ  ให้ใช้วิธีกาบัตรลงคะแนน

        การนับคะแนนเสียง ให้ที่ประชุมเลือกสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการนับคะแนนจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน

ข้อ 44.  สมาชิกจะมอบฉันทะเป็นหนังสือให้ผู้อื่น ซึ่งมิใช่สมาชิกมาประชุมใหญ่ และออกเสียงแทนตน

            ได้ ผู้รับมอบฉันทะคนหนึ่งรับมอบฉันทะได้คนเดียว

ข้อ 45.  กรณีที่จะมีมติเรื่องใด ถ้ามีส่วนได้เสียของกรรมการหรือสมาชิกของสมาคมผู้ใดขัดกับประโยชน์ส่วนได้เสียของสมาคม  กรรมการหรือสมาชิกของสมาคมผู้นั้นจะออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้นไม่ได้

ข้อ 46. ให้นายกเป็นประธานในที่ประชุม  ถ้านายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายก

           ปฏิบัติหน้าที่แทน  ถ้าทั้งนายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งขึ้นมาเป็นประธานในที่ประชุมเฉพาะการประชุมคราวนั้น

 

หมวด  10

คณะกรรมการ

_____________

ข้อ  47. คณะกรรมการผู้ดำเนินการของสมาคม โดยได้รับการเลือกตั้งระหว่างสมาชิกด้วยกันในที่

            ประชุมใหญ่มีจำนวนไม่น้อยกว่า 7  คน แต่ไม่เกิน 15 คน  ประกอบด้วยตำแหน่งนายกสมาคม

            รองสมาคม  เลขานุการ  เหรัญญิก นายทะเบียน และกรรมการอื่นๆ  ตามที่เห็นสมควร และต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(1)   มีสัญชาติไทย

(2)   มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์

(3)   มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลาย/ปริญญาตรี

(4)   มีภูมิลำเนาหรือขับรถยนต์สาธารณะแท็กซี่/รถตู้โดยสาร

(5)   มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและมีฐานะมั่นคง

(6)   เป็นสมาชิกอาสาสมัครมูลนิธิคุ้มครองผู้ใชับริการรถยนต์สาธารณะ

(7)   ไม่เป็นกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อื่น

(8)   ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี

(9)   ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาใด

(10)   ไม่เคยถูกนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่ง

                         กรรมการสมาคม

(11)   ไม่เคยถูกที่ประชุมใหญ่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ถอดถอนให้ออกจากตำแหน่งกรรมการ

เพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่ หรือไม่เคยต้องโทษตามกฎหมายว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์

(12)   ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิด

                         ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(13)   ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(14)   ไม่เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือบุคคลล้มละลาย

(15)   ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ  หรือไม่เคยถูกนายจ้างเลิกจ้างเพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่

ให้สมาคมแต่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง เป็นคณะกรรมการพิจารณาการเปิดเผย/ไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของสมาคม และคณะกรรมการเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการเกี่ยวกับบุคคลภายนอก ในการนี้คณะกรรมการจะแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนขึ้นทำการแทนก็ได้

 

บทบาทหน้าที่แต่ละตำแหน่งของกรรมการ

นายกสมาคม      -  ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

                              ถูกต้องตามกฎหมาย  ระเบียบ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของสมาคม  เป็นผู้แทน    สมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมของสมาคม

รองยกสมาคม -  ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคมปฏิบัติตามที่นายกสมาคมได้มอบหมาย  และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

เลขานุการ          -  ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคม นัดการประชุมกรรมการ การประชุมใหญ่

                              จดบันทึกและรักษารายงานการประชุม  ดำเนินการจดทะเบียนกรรมการ จดทะเบียนแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับและรายงานทะเบียนสมาชิก บัญชีงบดุล  ต่อนายทะเบียน

                              และปฏิบัติตามคำสั่งของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่าง ๆ ของสมาคม

เหรัญญิก          -  มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชี รายได้-รายจ่าย

                              บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ทางการเงิน บัญชีของสมาคมไว้เพื่อการตรวจสอบรายงานฐานะการเงินและงบดุลของสมาคมต่อนายทะเบียน

นายทะเบียน       -  มีหน้าที่จัดทำและรักษาทะเบียนสมาชิก  ตลอดจนหลักฐานเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับ

                              ทะเบียนสมาชิก

กรรมการ           -  มีหน้าที่ตามที่นายกสมาคมมอบหมาย

ตำแหน่งอื่น ๆ

ข้อ 48วิธีการเลือกตั้งคณะกรรมการ ตามข้อ 47  กระทำได้  1  วิธี 

               (1)  เลือกตั้งกรรมการเป็นรายบุคคลจนครบจำนวน  แล้วมอบอำนาจให้กรรมการที่ได้รับ 

                      เลือกตั้งกันเอง ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามที่เห็นสมควร แล้วเสนอต่อที่ประชุมใหญ่โดย

ให้เป็นไปตามที่มติของที่ประชุมใหญ่

 ข้อ 49. กรรมการของสมาคมไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง หรือเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจาก

             สมาคม กรรมการของสมาคมอาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือเงินหรือประโยชน์อย่างอื่น

             ทำนองเดียวกันจากสมาคมตามที่สมาคมได้วางระเบียบไว้ให้จ่ายตามมติที่ประชุมใหญ่กำหนด  และส่งให้นายทะเบียน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

 ข้อ 50.  คณะกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งตามข้อที่ 48 และจดทะเบียนแล้ว  อยู่ในตำแหน่งคราวละ ปี  

              นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่มีมติและดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้

            ถ้ากรรมการอยู่ในวาระครบสองวาระแล้วให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีมติไม่น้อยกว่า 2ใน 3 เสนอ

     ให้ กรรมการคนเก่าเป็นกรรมการของสมาคมอีกก็ได้

             1.  กรรมการชุดที่ออกตามวาระจะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่

     และคณะกรรมการชุดใหม่รับมอบหน้าที่เป็นหนังสือและเข้ารับตำแหน่งแทนแล้ว จึงจะพ้นจาก

     หน้าที่ ( คณะกรรมการชุดใหม่มีผลตั้งแต่วันที่ประชุมมติเลือกตั้ง )

              2. หรือกรรมการชุดที่ออกตามวาระจะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ

                  ชุดใหม่ และคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับจดทะเบียนจากนายทะเบียนแล้ว จึงจะสามารถรับมอบ                       หน้าที่และเข้ารับตำแหน่งแทน (คณะกรรมการชุดใหม่มีผลตั้งแต่นายทะเบียนรับจดทะเบียน)

ข้อ  51.  กรรมการของสมาคมย่อมพ้นจากตำแหน่งได้ในกรณี ดังต่อไปนี้

(1)    ครบกำหนดตามวาระ

(2)    ตาย

(3)    ลาออกโดยทำเป็นหนังสือ (มีผลตั้งแต่วันที่ยื่นหนังสือหรือนายกสมาคมอนุมัติ)

(4)    ขาดจากสมาชิกภาพ

(5)    ขาดคุณสมบัติตามข้อ 47

(6)    ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ออก

(7)    กระทำความผิดและถูกลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ข้อใดข้อหนึ่ง

ข้อ 52. ให้มีการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อยเดือนละครั้ง

                 ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน นายกสมาคมหรือกรรมการไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจะเรียกประชุมพิเศษขึ้นก็ได้

ข้อ 53. การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด  จึงจะนับได้ว่าเป็นองค์ประชุม

ข้อ 54. ให้นายกสมาคมของสมาคมเป็นประธานในที่ประชุม  ถ้านายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองนายกเป็นประธานในที่ประชุม  ถ้าทั้งนายกสมาคม และรองนายกสมาคม ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม  การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก  ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด

ข้อ 55.  คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินกิจการของสมาคม  และให้รวมถึง

(1)   ดำเนินกิจการสมาคมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545 กฎกระทรวง  ประกาศ  ระเบียบ  ข้อบังคับ และมติที่ประชุมใหญ่หรือกฎหมายอื่น

(2)   วางระเบียบในการปฏิบัติงานของสมาคมให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ

(3)   ว่าจ้างแต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่สมาคม

(4)   จัดทำและเก็บรักษาเอกสาร หลักฐานทางการเงินและบัญชี  ทะเบียนสมาชิก  และทรัพย์สินของสมาคม

(5)   แต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งให้รักษาการแทนในตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง

 

หมวด  11

การเลิกสมาคม และการชำระบัญชี

____________________

 

ข้อ 56 . สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้

(1)   ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก

(2)   นายทะเบียนสั่งให้เลิก

(3)   ศาลสั่งให้เลิกมาตรา 51  แห่งพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545

ข้อ 57. ในกรณีที่นายทะเบียนให้เลิก  กรรมการจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดของสมาคมสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อปลัดกระทรวง โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งให้เลิก

ข้อ 58.  เมื่อสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ให้มีการชำระบัญชี

                  ให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาตั้งผู้ชำระบัญชีโดยได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนภายใน 30 วัน  นับแต่วันที่เลิก หรือนับแต่วันที่ปลัดกระทรวงมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์

                  ในกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ไม่อาจตั้งผู้ชำระบัญชี หรือนายทะเบียนไม่ให้ความเห็นชอบให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นทำการชำระบัญชีได้

                  เมื่อนายทะเบียนเห็นสมควรหรือเมื่อสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของ จำนวนสมาชิกทั้งหมดร้องขอต่อนายทะเบียน  นายทะเบียนจะแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทนผู้ชำระบัญชีที่

           ได้ตั้งไว้ก็ได้  ผู้ชำระบัญชีได้รับค่าตอบแทนของสมาคมตามที่นายทะเบียนกำหนด

ข้อ 59.  ให้คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของสมาคม จัดการรักษาทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคมไว้ จนกว่าผู้ชำระบัญชีจะเรียกให้ส่งมอบ

ข้อ 60.  ผู้ชำระบัญชีต้องทำงบดุลของสมาคมส่งให้ผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจรับรองว่าถูกต้อง และอาจร้อง

             ขอให้นายทะเบียนตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบงบดุลได้

ข้อ 61.  เมื่อชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินของสมาคมเหลืออยู่จะแบ่งให้แก่สมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่ได้  หรือตามมติของที่ประชุมใหญ่  หรือที่ประชุมใหญ่มิได้มีมติไว้ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน

บทเฉพาะกาล

ข้อ 62. เมื่อสมาชิกร้องขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสมาคม ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของสมาคมพิจารณาอนุมัติ/หรือไม่อนุมัติแล้วแจ้งให้ผู้ร้องขอทราบภายใน 15 วันนับแต่วันที่สมาคมได้รับเอกสารการร้องขอ

ข้อ 63. เมื่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารพิจารณาอนุญาต ตามข้อ 62 ให้สมาชิกผู้นั้นชำระค่าธรรมเนียมต่อสมาคม เป็นเงินฉบับละ 50 บาท

 

ให้ใว้  ณ วันที่         เดือน    มีนาคม     พ.ศ. 2566

 

นายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่